ไม่เลือกปฏิบัติ ขจัดกำแพงแห่งความต่าง: วิถีเป็นกลางที่คุณทำได้ในชีวิตประจำวัน
มิถุนายน ถือเป็นเดือนที่ผู้คนจากทั่วโลกและจากหลากหลายเพศ ร่วมกันเฉลิมฉลองให้กับเทศกาลพิเศษอย่าง “Pride Month” หรือก็คือ เดือนแห่งการเฉลิมฉลองความหลากหลายทางเพศ ที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากต่อคอมมูนิตี้ LGBTQ ซึ่งย่อมาจาก Lesbian, Gay, Bisexual, Transgender และ Queer ตามลำดับ
นอกจากจะเป็นเดือนแห่งการระลึกถึงช่วงเวลาแห่งการต่อสู้เพื่อสิทธิและความเท่าเทียมตามกฎหมายของกลุ่มเพศทางเลือกแล้ว Pride Month ยังถือเป็นเทศกาลที่จัดขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแด่เหตุจลาจลที่สโตนวอลล์ (Stonewall Riots) ในปี 1969 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการเคลื่อนไหวทางด้านสิทธิและความเท่าเทียมของกลุ่ม LGBTQ ในสหรัฐอเมริกา และปลุกกระแสเดียวกันนี้ไปทั่วโลกในเวลาต่อมา
แต่รู้หรือไม่ ขบวนพาเหรดที่เปี่ยมด้วยสีสัน และเทศกาลที่แสนรื่นเริงสดใสเหล่านี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลองเท่านั้น Pride Month ถือเป็นเทศกาลที่คอยย้ำเตือนให้เราทุกคนไม่หยุดที่จะเรียนรู้และโอบรับความงามของความแตกต่าง
โลกออนไลน์และโซเชียลมีเดียได้สร้างเวทีขนาดใหญ่ที่ซึ่งสถานที่ไหนๆ ก็ไม่อาจเทียบเคียง นี่คือพื้นที่ที่ทุกคนจะสามารถแสดงตัวตนที่แท้จริงให้ทั้งโลกได้รับรู้ ดังนั้นแล้วสิ่งที่เราได้ทำ ได้โพสต์ รวมไปถึง Digital Footprint อื่นๆ ที่เราได้สร้างเอาไว้ จะช่วยตระเตรียมให้พื้นที่บนโลกออนไลน์กลายเป็นพื้นที่ที่เปิดกว้างอันไร้ซึ่งกำแพงแห่งความแตกต่าง ที่ทุกคนจะได้รับการยอมรับในแบบที่เป็น
ว่ากันว่าแค่รายละเอียดเล็กๆ ก็สร้างเรื่องราวที่ต่างออกไปได้ หลายสิ่งที่คุณทำในชีวิตประจำวันจึงสามารถเป็นส่วนหนึ่งในการทลายวิถีแห่งการเลือกปฏิบัติได้เช่นกัน
1. เลือกใช้คำศัพท์และภาษาที่ครอบคลุมและเป็นกลาง
คำพูดนั้นทรงพลัง นี่คือสิ่งที่ถ่ายทอดความหมาย ความคิดและความเห็นของคุณ เมื่อคุณได้สร้างหรือเข้าร่วมบทสนทนาบนโลกออนไลน์ ไม่ว่าจะด้วยการพูดหรือการเขียนก็ตาม ควรเลือกใช้คำที่มีความหมายเป็นกลาง หลีกเลี่ยงสรรพนามที่สื่อความหมายระบุเพศ รวมถึงสำนวนที่พาดพิงเพศสภาพ
การใช้ภาษาและคำศัพท์ที่เป็นกลาง จะช่วยให้คนที่ผ่านมาเห็นโพสต์ของคุณไม่รู้สึกว่าถูกลดคุณค่า แปลกแยก หรือถูกกันออกจากบทสนทนา
2. สรรพนามเฉพาะที่แต่ละคนเลือกใช้ ต้องเข้าใจและเคารพ
สรรพนามที่แต่ละคนเลือกใช้อาจไม่ตรงกับรูปลักษณ์ภายนอกของพวกเขา เพราะฉะนั้นแล้วจึงไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรหากคุณจะเอ่ยปากถามพวกเขาตรงๆ ว่าสรรพนามของพวกเขา คือ he she they หรือ zie การเรียกใครก็ตามด้วยสรรพนามตามที่พวกเขาเลือกใช้ ถือเป็นการให้เกียรติอัตลักษณ์ทางเพศของคู่สนทนา หากลองสังเกตให้ดีคุณจะเห็นว่าโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มใหญ่ๆ อย่างเช่น Twitter Instagram รวมถึง LinkedIn ได้เพิ่มสรรพนามเหล่านี้เป็นตัวเลือกให้ผู้ใช้ได้เลือกใส่เพื่อแสดงบนหน้าโปรไฟล์ด้วยเช่นกัน
3. อย่าได้สรุปหรือเหมารวมอะไรไปเอง
ผู้ชายเป็นหมอ ผู้หญิงเป็นพยาบาล แม่คือผู้ให้กำเนิด ถ้าเป็นคนเอเชียก็ต้องเก่งเลข…
ทั้งหมดนี้คือตัวอย่างของการสรุปและเหมารวมอะไรๆ ไปเอง ถ้าคุณพบเห็นข้อความแบบนี้ ทางที่ดีไม่ควรต่อบทสนทนาที่จะนำไปสู่ความเข้าใจแบบผิดๆ ยิ่งถ้าเป็นเรื่องบนโลกออนไลน์ยิ่งไม่ควรไปใหญ่
แม้ว่าคนๆ นั้นอาจแสดงให้เห็นชัดเจนว่าเขาเป็นใคร แต่นั่นก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการเป็นมนุษย์เท่านั้น ดังนั้นแล้ว อย่าได้ปล่อยให้การเหมารวมหรือการคิดที่สรุปไปเอง กลายมาเป็นกระจกที่บิดเบือนสายตาแห่งการมองเห็นตัวตนที่แท้จริงของคนๆ หนึ่ง
4. ฟังก์ชันการบันทึก ถอดเสียง และบทบรรยายแทนเสียง สิ่งเหล่านี้ต้องมีครบ
หลายกิจกรรมที่เราทำกัน ไม่ว่าจะเป็นการประชุม คลาสเรียน เวิร์กช็อป รวมไปถึงกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย ถูกเปลี่ยนมาอยู่ในรูปแบบออนไลน์มากขึ้นเรื่อยๆ ฟังก์ชันอย่างเช่นการบันทึกเสียง การถอดเสียง และบทบรรยายแทนเสียง จึงควรมีอยู่ในการตั้งค่าเริ่มต้น
ความพร้อมและความเอาใจใส่ คือสองสิ่งที่ควรมีเป็นอย่างยิ่ง คนที่อยู่อีกฟากหนึ่งของหน้าจออาจเป็นผู้พิการ หรืออาจไม่ได้มีภาษาที่ใช้ในกิจกรรมนั้นๆ เป็นภาษาแม่ ฟังก์ชันพื้นฐานเหล่านี้จะช่วยให้เรามั่นใจได้ว่ากิจกรรมที่เราจัดขึ้นจะไม่ทำให้ใครต้องรู้สึกแปลกแยก
5. เปิดใจให้พร้อมสำหรับการเรียนรู้อยู่เสมอ
สุดท้ายแต่อาจไม่ท้ายที่สุด สิ่งที่คุณทำได้คือการเปิดใจให้พร้อมรับสิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ การกระทำก็สำคัญไม่แพ้กัน อย่าด่วนตัดสินใครก่อนจะได้รู้จักเขาแล้วจริงๆ อย่าได้ปล่อยให้ความแตกต่างระหว่างเราเข้ามาสร้างระยะห่าง และทำลายสายสัมพันธ์ที่สามารถเกิดขึ้นได้ นี่คือโอกาสครั้งสำคัญที่คุณจะได้เรียนรู้และทำความรู้จักความหลากหลายบนโลกใบนี้
ในฐานะองค์กรระดับสากล เดลล์ เทคโนโลยีส์ เชื่อว่าความหลากหลายคือพลัง หนึ่งในหน้าที่สำคัญของเรา คือการสร้างสถานที่ทำงานที่ทุกคนสามารถประสบความสำเร็จได้ เราขอขอบคุณ 100 คะแนนเสียง ใน Human Right Campaign ที่โหวตให้ เดลล์ เทคโนโลยี เป็น Best Place to Work สำหรับ LGBTQ มาต่อเนื่องยาวนานถึง 17 ปีซ้อน
“หนทางสู่วันหน้าของเราถูกปูเอาไว้ด้วยสิ่งที่เราเข้าใจรู้ซึ้งเป็นอย่างดี นั่นคือการรักษาดูแล ให้เดลล์ เทคโนโลยีส์ เป็นสถานที่ที่ทุกคนสามารถประสบความสำเร็จได้บนสีสันแห่งตัวตนที่แท้จริงของพวกเขา” — Vanice Hayes, Chief Diversity and Inclusion Officer, บริษัท เดลล์ เทคโนโลยีส์
นอกจากนี้ ในงาน Dell Technologies Summit ที่จัดขั้นในเดือนพฤศจิกายนปี 2019 เราได้ประกาศเป้าหมายเพื่อผลลัพธ์ทางสังคม และแผนดำเนินงานจนถึงปี 2030 ภายใต้ชื่อ Progress Made Real ที่จะสร้างผลลัพธ์เชิงบวกในระยะยาว ผ่านการพัฒนาความยั่งยืน ปูพื้นฐานให้พร้อมรับวิถีแห่งการไม่เลือกปฏิบัติ และสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นทั่วโลก ด้วยหลักการแห่งความซื่อตรงและเที่ยงธรรมที่เรายึดถือ เพื่อรักษาคำมั่นในการสร้างโอกาสในการทำงานที่เท่าเทียมแก่ทุกคน
“ผมเชื่อมั่นว่าสิ่งที่เราสร้างขึ้นภายในเดลล์จะนำไปสู่ผลลัพธ์ดีๆ นั่นเพราะเราได้ออกแบบวัฒนธรรมองค์กรมาเพื่อดึงศักยภาพสูงสุดของสมาชิกทีมทุกคน และเพราะวิสัยทัศน์ของเรานั้นชัดเจน ผมเชื่ออยู่เสมอว่าความหลากหลายคือพลัง นี่คือสิ่งที่ทำให้เราประสบความสำเร็จ แต่ที่สำคัญไปกว่านั้นคือการที่เรามีทุกวันนี้ได้ด้วยวิธีการที่เป็นธรรม” ไมเคิล เดลล์ ผู้บริหารและผู้ก่อตั้ง บริษัท เดลล์ เทคโนโลยีส์
เรียนรู้วิธีการขับเคลื่อนวัฒนธรรม ความยุติธรรมและสายสัมพันธ์ภายในเดลล์ เทคโนโลยีส์ เพิ่มเติมได้ ที่นี่