หน้าแรก     ข่าว รถยนต์ไฟฟ้า 101: เดินทางสำรวจ EV ยานยนต์ทางเลือกแห่งอนาคต

รถยนต์ไฟฟ้า 101: เดินทางสำรวจ EV ยานยนต์ทางเลือกแห่งอนาคต

Oct 07, 2022

เพราะโลกนั้นหมุนไปในทุกวัน เทคโนโลยีเองก็เช่นกัน! จากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ที่เปรียบเสมือนอวัยวะหนึ่งในการใช้ชีวิตผู้คนมาอย่างยาวนานที่เราคิดว่าว่าล้ำขึ้นทุกวันแล้ว วันนี้โลกก็กำลังพาเราก้าวเข้าสู่อีกขั้นของนวัตกรรม นั่นก็คือ รถยนต์ไฟฟ้า (EV: Electric Vehicle) ยานพาหนะที่กำลังจะทะลุออกจากจอหนังไซไฟ สู่เทคโนโลยียานยนต์แห่งอนาคตที่จะมาเปลี่ยนวิถีชีวิตของประชากรโลกไปตลอดกาล! 

รถยนต์ไฟฟ้า ก็คือรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังไฟฟ้าแทนน้ำมัน ซึ่งขั้นตอนการทำงานของระบบรถไฟฟ้า จะเริ่มต้นจากการชาร์จไฟฟ้าเข้าสู่แบตเตอรี่ที่สามารถชาร์จซ้ำได้ ส่งต่อเป็นกระแสไฟฟ้าเข้าสู่รถและส่งต่อไปยังมอเตอร์เพื่อให้ขับเคลื่อนรถ  

ในปัจจุบัน รถยนต์ไฟฟ้านั้นแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทหลักๆ ดังนี้ 

รถยนต์ไฟฟ้าแบบไฮบริด Hybrid Electric Vehicle (HEV) – เป็นรถไฟฟ้าที่หลายคนคุ้นเคย ซึ่งเป็นรถยนต์ที่ใช้พลังงานผสมผสานระหว่างเชื้อเพลิงทั่วไป และพลังงานไฟฟ้าจากการแบตเตอรี่ในการขับเคลื่อน โดยยังคงใช้วิธีการเติมน้ำมัน เบนซิน หรือดีเซล และไม่สามารถชาร์จด้วยพลังงานไฟฟ้าได้ 

รถยนต์ไฟฟ้าแบบปลั๊ก-อิน ไฮบริด Plug-in Hybrid (PHEV) – เป็นรถยนต์ที่ใช้พลังงานผสมผสานระหว่างน้ำมันเชื้อเพลิงและพลังงานไฟฟ้าจากการแบตเตอรี่ แต่สามารถขับได้ในระยะทางที่ไกลขึ้นและประหยัดน้ำมันมากขึ้น นอกจากนี้ปลั๊ก-อิน ไฮบริดยังแตกต่างจาก ไฮบริดตรงที่รถชนิดนี้สามารถชาร์จไฟจากแท่นได้โดยตรง 

รถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ Battery Electric Vehicles (BEV) – เป็นรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังไฟฟ้าแบบ 100% โดยใช้แบตเตอรี่เพื่อเก็บพลังงานที่ขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้า ดังนั้นความจุของแบตเตอรี่จะเป็นตัวกำหนดระยะทางที่รถสามารถไปได้

เมื่อพูดถึง ‘รถยนต์ไฟฟ้า หรือรถ EV หลายคนก็มักจะนึกถึง รถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ Battery Electric Vehicles (BEV) เดลล์จึงอยากขอพาทุกคนไปเจาะลึกและทำความรู้จักกับเทคโนโลยี EV กันให้มากขึ้น ไม่ว่าคุณจะกำลังพิจารณาเปลี่ยนไปใช้รถ EV หรือแค่อยากรู้วิธีการทำงานและข้อดีของเทคโนโลยีใหม่นี้ ไปดูกันเลย!

เทคโนโลยีการชาร์จ

รถยนต์ทั่วไปที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้จะใช้วิธีเติมน้ำมันหรือแก๊สเพื่อขับเคลื่อน ในขณะที่รถ EV ใช้พลังงานไฟฟ้าจากการชาร์จแบตที่สถานีชาร์จ เหมือนกับการชาร์จสมาร์ทโฟน ทำให้เทคโนโลยีการชาร์จของ EV มีโอกาสที่จะพัฒนาให้สะดวกขึ้นได้อีกมาก เช่น การชาร์จแบบไร้สาย และการชาร์จเร็ว

โดยปกติแล้วการชาร์จรถ EV นั้นจะต้องใช้เวลาสักพักจนกว่าแบตเตอรี่จะเต็ม ไม่เหมือนกับการเติมน้ำมันที่ใช้เวลาเพียง 5-10 นาทีก็เสร็จแล้ว ทำให้เกิดเป็นสถานีชาร์จที่นำเอาเทคโนโลยี การชาร์จแบบเร็วด้วยไฟฟ้ากระแสตรง (Direct-current Fast Charger: DCFC) ที่สามารถชาร์จแบตได้ประมาณ 80% ในเวลา 30 นาที มาแก้ปัญหาเพื่อลดเวลาการรอชาร์จในระหว่างทริป 

หนึ่งในเทคโนโลยีการชาร์จ EV ที่น่าสนใจคือการชาร์จแบบไร้สาย ซึ่งพัฒนาจากเทคโนโลยี การชาร์จประจุไฟฟ้าแบบเหนี่ยวนำ (Inductive Charging Technology) ที่เป็นหลักการเดียวกันกับการชาร์จสมาร์ทโฟน โดยถ่ายโอนกระแสไฟฟ้าจากขดลวดแม่เหล็กในเครื่องชาร์จไปยังขดลวดแม่เหล็กหรือแผงที่ติดตั้งกับรถยนต์ เทคโนโลยีการชาร์จนี้กำลังพัฒนาจนใกล้จะนำมาใช้จริงได้หลังประสบความสำเร็จใน การทดลองชาร์จแบบไร้สายที่น็อตติ้งแฮม ซึ่งหากสามารถพัฒนาได้จนประสบความสำเร็จ จะทำให้รถ EV สามารถชาร์จพร้อมกันได้หลายคันและกลายเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ในการชาร์จโดยไม่ต้องมีลานจอดรถในบ้านก็ได้

อีกหนึ่งเทคโนโลยีการชาร์จแห่งอนาคตที่น่าสนใจก็คือ การชาร์จไฟฟ้า 2 ทิศทาง (Bidirectional Charging Technology) ที่พลังงานจะสามารถไหลได้ทั้งสองทาง ทั้งจากตัวบ้านเข้าสู่รถยนต์ EV และจากรถ EV ของเราเข้าสู่ตัวบ้าน ช่วยให้ผู้ใช้ EV ประหยัดค่าใช้จ่ายตามอัตราค่าไฟฟ้าตามช่วงเวลาของการใช้และยังอาจสร้างรายได้จากการขายไฟฟ้ากลับเข้าสู่ระบบ แล้วยังสามารถใช้ EV เป็นแหล่งพลังงานสำรองในยามฉุกเฉินได้ ทำให้เจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าสามารถกลายมาเป็น Prosumer ที่ทั้งบริโภคและผลิตไฟฟ้าได้อีกด้วย 

เทคโนโลยีแบตเตอรี่ 

คุณอาจเคยได้ยินอีกชื่อของแบตเตอรี่ที่เปรียบเสมือนถังน้ำมันของรถ EV ว่า Traction Battery ที่ประกอบไปด้วยกลุ่มของแบตเตอรี่หรือเซลล์ ประเภทลิเธียมไอออน (Lithium-ion batteries) ซึ่งมีหลักการทำงานเดียวกับแบตเตอรี่ของสมาร์ทโฟน แค่มีขนาดใหญ่กว่า และความจุของแบตเตอรี่จะเป็นตัวกำหนดว่ารถ EV ของคุณจะสามารถไปได้ไกลแค่ไหน 

ข่าวดีก็คือเทคโนโลยีแบตเตอรี่ EV กำลังอยู่ในช่วงพัฒนาให้มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น และหลากหลายประเภทมากขึ้น เช่น แบตเตอรี่โซลิดสเตต (Solid-state Battery) และแบตเตอรี่ออร์แกนิก (Organic Battery) ที่ให้ความจุมากขึ้นและมีพลังชาร์จที่ดีขึ้น ดังนั้นแม้ว่าความกังวลเรื่องระยะทางในการขับขี่จะยังอยู่ แต่ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าเราคงได้เห็น EV ที่สามารถวิ่งได้ไกลขึ้นและใช้เวลาชาร์จที่สั้นลงวางขายในตลาดอย่างแน่นอน ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ส่งเสริมอุตสาหกรรม EV ให้เฟื่องฟู

รถไร้คนขับ

หนึ่งในฟังก์ชันน่าสนใจของรถ EV ที่หลายคนนึกถึงก็คือ ระบบรถไร้คนขับ ที่ถึงแม้ว่ารถที่ควบคุมการขับเองแบบอัตโนมัติทั้งหมดนั้นจะยังห่างไกลจากความเป็นจริงอยู่ แต่เหล่าผู้ผลิตรถยนต์และบริษัทผู้พัฒนาเทคโนโลยีเองต่างก็มุ่งหน้าพัฒนาเพื่อให้เทคโนโลยีสุดล้ำนี้เกิดขึ้นจริง! ซึ่งคาดว่า เทคโนโลยีนี้จะอำนวยความสะดวกให้กับชีวิตประจำวันได้มากขึ้น เช่น ทำให้การเดินทางด้วยรถยนต์เป็นเรื่องง่ายขึ้นสำหรับทุกคน ลดพฤติกรรมขับขี่ที่อันตราย และจัดการกับการจราจรที่คับคั่งบนถนนได้ดีขึ้นอีกด้วย

ปัจจุบันมีรถ EV หลากหลายรุ่นมาพร้อมกับฟังก์ชัน ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (Driver Assistance Feature) ที่มีความใกล้เคียงกับเทคโนโลยีรถไร้คนขับ แต่ยังต้องให้มนุษย์เป็นผู้ควบคุมอยู่ ซึ่งฟีเจอร์นี้จะช่วยลดความเครียดและความล้าในการขับรถทางไกล โดยจะช่วยบังคับเลี้ยว รักษาระยะห่างจากรถคันหน้า และรักษาความเร็วให้คงที่ แต่มักจะใช้งานได้ในความเร็วที่จำกัด และบนถนนที่มีการขีดเส้นจราจรที่ชัดเจน

การวางโครงสร้างพื้นฐานให้กับ EV 

การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ที่จะมาช่วยสนับสนุนเทคโนโลยี EV นั้นถือเป็นผลพลอยได้ที่จะอำนวยความสะดวกให้กับรถไฟฟ้าอีกมากมายที่จะแล่นออกสู่ถนนในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้ด้วย ตัวอย่างเช่น แอปพลิเคชั่นที่ช่วยชี้พิกัดสถานีชาร์จแบตเตอรี่ ที่จะช่วยลดความกังวลจากแบตเตอรี่หมดกลางทางกระทันหัน และ เนื่องจากการใช้รถยนต์ไฟฟ้ามีแนวโน้มที่จะกลายมาเป็นกระแสหลักของผู้ใช้รถมากขึ้น ทำให้สถานีชาร์จเองก็มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และในอนาคตอาจเต็มไปด้วยทางเลือกของการชาร์จที่รวดเร็วยิ่งขึ้นสำหรับผู้ใช้ EV 

มาต่อกันที่เทคโนโลยีโครงสร้างพื้นฐานที่อาจสร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่อย่าง ถนนชาร์จไฟได้ (Electrified Roads) ที่จะมีวิธีการแจกจ่ายพลังงานอยู่ 3 ประเภท คือ 1. ระบบจ่ายไฟฟ้าผ่านสายไฟเหนือหัว (Overhead Power Lines) 2. การจ่ายไฟฟ้าด้วยระบบราง (Ground level power through rail) 3. ระบบจ่ายไฟฟ้าแบบเหนี่ยวนำ (Induction) ที่หากถนนชาร์จไฟได้ถูกใช้อย่างแพร่หลายมากขึ้น จะทำให้การเดินทางบนท้องถนนในอนาคตของผู้ใช้รถ EV สามารถขับไปชาร์จไปได้ แถมหมดปัญหาในการหาสถานีชาร์จอีกด้วย  

รถยนต์ไฟฟ้าคือรถยนต์แห่งอนาคตที่เกิดขึ้นจริงแล้วและเป็นก้าวสำคัญของโลก เทคโนโลยีที่เรากล่าวถึงข้างต้นนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่จะผลักดันไปสู่การยอมรับ EV ในวงกว้าง เปรียบเสมือนกับการเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รูปแบบใหม่ที่ขับเคลื่อนโลกของเราไปข้างหน้า และยังเต็มไปด้วยความเป็นไปได้อีกมากมายไม่รู้จบที่รอให้ทุกคนสำรวจในอนาคต!